มือใหม่!!! ประเภทจักรยานกัน Ep.2/2
นั้นสมัยนี้ ผู้คนหันมาปั่นจักรยานกันมากขึ้นจนเห็นได้ชัด ตามหน่วยงานภาครัฐและเอกชน ก็จัดโครงการรณรงค์ให้คนหันมาใส่ใจสุขภาพ ออกกำลังกายด้วยการปั่นจักรยาน ตามเส้นทางต่างๆ ทำให้ธุรกิจขายจักรยานอยู่ในยุคเฟื่องฟู ไม่เหมือนแต่ก่อนที่จะมีคนปั่นจักรยานเฉพาะกลุ่มเท่านั้น หลายคนก็ไหลไปตามกระแส ซื้อจักรยานมาปั่นกัน โดยที่ไม่ได้ศึกษาข้อมูลกันก่อน
เรามารู้จักกับประเภทจักรยาน ว่ามีแบบไหนบ้าง เพื่อให้ทุกท่านได้ทราบก่อนการตัดสินใจซื้อจักรยานสักคัน
1. จักรยานเสือภูเขา < Mountain Bike >
จักรยานเสือภูเขา ถูกออกแบบมาเพื่อปั่นบนทางขรุขระ ทางลูกรัง จักรยานมีน้ำหนักมาก ล้อใหญ่ ส่วนมากจะมีโช๊ค ช่วยรับแรงกระแทก ข้อเสียคือใช้แรงในการปั่นค่อนข้างเยอะ ปั่นเร็วไม่ค่อยได้ เหมาะสำหรับ ปั่นบนทางขรุขระ ทางลูกรัง ค่อนข้างเหมาะสำหรับปั่นใน กรุงเทพประเทศไทย ซึ่งมีสภาพเป็นหลุมเป็นบ่อ และมีอุปสรรคมากมายให้ชาวจักรยานได้หลบหลีกกัน
2. จักรยานเสือหมอบ < Road Bike >
เสือหมอบเป็นจักรยานที่ถูกออกแบบมาโดยเน้นความเร็วเป็นหลัก เน้นปั่นบนทางเรียบ จักรยานประเภทนี้จะมีน้ำหนักค่อนข้างเบา ล้อค่อนข้างเล็ก ข้อเสียคือ เปราะบาง และบรรทุกของไม่ได้เลย เหมาะสำหรับ ปั่นบนถนนที่ค่อนข้างเรียบ ยาวๆ โล่งๆ สามารถปั่นบนถนนในเมืองได้ครับ
แต่ว่าต้องหลบหลีก หลุม บ่อ และถนนขรุขระ
3. ไซโคลครอส < Cyclocross >
จักรยานไซโคลครอส เป็นจักรยานที่ทรงคล้ายๆหมอบ แต่ล้อใหญ่คล้ายๆภูเขา เป็นจักรยานที่ออกแบบมาเพื่อ ปั่นบนทางขรุขระ ทางลูกรัง ถนนหิน แต่ว่า ยังคงทางปั่นของหมอบไว้ ทำให้ทำความเร็วได้ค่อนข้างดี แต่ข้อเสียก็เช่นเดียวกับจักรยานไฮบริดครับผม คือไม่สุดไปซักทาง เหมาะสำหรับ จริงๆแล้วสามารถนำไปปั่นได้หลากหลายมาก จะปั่นทางเรียบไกลๆก็พอไหว ทางขรุขระก็ทำได้ไม่เลว เรียกได้ว่าเป็นจักรยานค่อนข้างอเนกประสงค์
4. จักรยานไฮบริด < Hybrid Bike >
จักรยานไฮบริด เป็นจักรยานลูกผสมระหว่าง เสือหมอบ และเสือภูเขา จะมีความหลากหลายมากๆ ข้อดีก็คือ จะลุยได้มากกว่าจักรยานเสือหมอบ เร็วได้มากกว่าจักรยานเสือภูเขา แต่ข้อเสียก็เช่นกัน ลุยได้น้อยกว่าเสือภูเขา และช้ากว่าเสือหมอบ จะเป็นจักรยานที่อยู่ตรงกลางๆ เอาข้อดีและข้อเสียของสองประเภทมาผสมกัน จักรยานไฮบริดส่วนใหญ่มักจะเป็นแฮนด์ตรง เหมาะสำหรับ ปั่นในเมือง เนื่องจาก ในเมืองกรุงเทพประเทศไทยของเรานั้น มีสภาพค่อนข้างหลากหลายมาก มีทั้งทางตรงยาวๆ ทางขรุขระ และหลุมบ่อ มีสภาพผสมผสานกันอย่างลงตัว เป็นสภาพที่ค่อนข้างเหมาะแก่การปั่นจักรยานไฮบริดยิ่งนัก
5. จักรยานทัวริ่ง < Touring Bike >
จักรยานทัวริ่ง จะเน้นในเรื่องของการปั่นไกล ดังนั้น จักรยานทัวริ่งจะต้องบรรทุกของได้สำหรับไปค้างแรม จะต้องซ่อมง่ายหากจักยานเสียระหว่างทางสามารถซ่อมได้โดยไม่ยาก และเน้นความสบายในการปั่นเนื่องจากต้องอยู่บนจักรยานวันละหลายๆชั่วโมง เหมาะสำหรับ ปั่นไปเที่ยว ทางไกลๆ และอาจจะต้องนำสัมภาระไปด้วย
6. จักรยานพับ < Folding Bike >
ตามชื่อเลยครับผม จุดเด่นและข้อดีของจักรยานพับ ก็คือมันสามารถพับได้ พกพาสะดวก พาขึ้นรถไฟฟ้า รถใต้ดินได้ ใส่รถก็สบาย
7. จักรยานฟิกเกียร์ < Fixed Gear Bike >
เสน่ห์ของมันคือความเท่ห์ครับผม เป็นจักรยานที่หากเคลื่อนที่อยู่ เราไม่สามารถหยุดปั่นได้ ขาต้องหมุนตลอด จักรยานฟิกเกียร์ส่วนใหญ่จะไม่มีเบรกครับ ถ้าหากต้องการจะเบรก จะใช้การหยุดปั่นแทน ข้อดีของจักรยานประเภทนี้คือ มันไม่มีกลไกอะไรเลยครับ ทำให้การซ่อมบำรุงรักษาทำได้ง่าย และที่สำคัญคือความเท่ห์ครับผม
8. จักรยานวิบาก < BMX >
เป็นจักรยานที่เรามักคุ้นตาในสมัยเด็กๆ ถือเป็นจักรยานที่สามารถปั่นได้กับทุกสภาพถนน ตั้งแต่ทางเรียบ ไปจนถึงทางวิบาก ปัจจุบันได้รับการพัฒนาให้มีรูปทรงดีไซน์ที่ทันสมัยมากขึ้น และได้รับความนิยมนำไปแข่งขันจักรยานประเภทวิบาก X-Treme Sport จัดได้ว่าเป็นจักรยานที่แพร่หลายมากในหมู่วัยรุ่น เพราะขับง่าย การดูแลก็ไม่ยาก เหมาะสำหรับเด็กหรือผู้ที่กำลังหัดขับจักรยาน
9. จักรยานทั่วไป < Utility Bike >
บ้านเรานิยมเรียกว่า จักรยานแม่บ้าน เป็นจักรยานที่ง่ายต่อการดูแลบำรุงรักษา บางแบรนด์จะมีเกียร์, ไฟส่องสว่าง, บังโคลน-หน้าและหลัง ราคาไม่แพงมาก อยู่ที่หลักพัน คนทั่วไปสามารถหาซื้อมาเพื่อใช้ในชีวิตประจำวันได้ แถมยังขับง่าย ไม่ต้องปรับอาน หรือตกแต่งอุปกรณ์อะไรมากนัก
เป็นไงกันบ้างครับ กับการรวบรวมประเภทจักรยาน ที่มีประโยชน์ ช่วยให้มือใหม่สามารถนำไปใช้ในการตัดสินใจเลือกซื้อจักรยานสักคัน เพื่อให้คุณได้รถจักรยานที่เหมาะสมกับสไตล์การใช้ชีวิต มาปั่นจักรยานกันเถอะครับ เพื่อสุขภาพที่ดีของเรา
มีข้อสงสัยเรื่องการติดตั้งชุดอุปกรณ์ไฟฟ้ากับจักรของท่าน ชุดไหนเหมาะกับคุณที่สุด? ทุกคำถามเกี่ยวกับการเลือกชุดมอเตอร์ไฟฟ้าและแบตเตอรี่คุณ เรายินดีให้คำตอบครับ ให้กดเพื่มเพื่อนเรามาได้เลยครับ
LINE ID : @BKKEBIKE